วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

มารู้จักสมุนไพรไทยกันเถอะ

สมุนไพรไทย    พืชท้องถิ่น  ภูมิปัญญาไทยที่มีมาช้านาน หากรู้จักรับประทาน เช่น ส่วนต่างๆของพืช ปริมาณที่พอดี การเสริมฤทธิ์ของพืชแต่ละชนิดในสัดส่วนที่เหมาะสม ก็จะเป็นยาชั้นเลิศ  การนำสมุนไพรมาใช้เป็นยาช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศได้ปีละนับล้านล้านบาท  


จากใจของเรา เรียน ผู้ที่สนใจสมุนไพรไทยทุกท่าน ในฐานะที่เป็นผู้บริโภคเช่นเดียวกันกับท่าน ที่เรานำมาจำหน่ายเพื่อหวังว่าจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่เจ็บป่วย ผ่านการรักษามามากมายแต่ไม่ดีขึ้น เนื่องจากเรานำมาใช้เองและเห็นผลจริง และเห็นอกเห็นใจทั้งผู้ป่วยและญาติๆ  ที่บางท่านหาซื้อได้ในราคาแพง และหาซื้อยาก สำหรับบางจังหวัด  ทางเราจึงได้นำมาเผยแพร่ และหวังว่าอาการของท่านจะทุเลาเบาบางลงได้บ้าง  โปรดใช้อย่างชาญฉลาด และรู้เท่าทันสิ่งที่รับประทานทั้งอาหาร และยา 


สิ่งที่ควรทำ :  รับประทานแต่พอประมาณ เมื่ออาการดีขึ้นแล้วควรหยุดไป เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหาร ยารักษาโรคใดๆก็ตาม ทั้งแผนโบราณ และแผนปัจจุบันไม่ควรรับประทานต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เนื่องจากมีโทษทั้งสิ้น และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารต้องห้ามสำหรับโรคนั้นๆที่่ท่านเป็นอยู่ เพื่อสุขภาพที่ดีของท่านเอง   


ตัวอย่างบทความ และความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่เรานำมาเสนอ ดังนี้

   หญ้าปักกิ่ง สมุนไพรเทวดา?


ดร. วิชุดา สุวิทยาวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า จากข้อมูลวิชาการมีงานวิจัยในหลอดทดลองรองรับสรรพคุณของหญ้าปักกิ่งไว้ว่า หญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ ต้านการอักเสบ และกระตุ้นเอนไซม์ dt-diaphorase ที่มีบทบาททำลายสารพิษที่ ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่ยังเร็วเกินไปที่ระบุว่า มีฤทธิ์ต้านมะเร็งจนกว่ามีการทดลองในคน

สำหรับคนปกติ ไม่ได้เป็นมะเร็ง "ไม่มี" ความจำเป็นต้องบริโภคหญ้าปักกิ่ง แค่บริโภคอาหารที่ไม่เพิ่มโอกาส ความเสี่ยงเกิด โรคมะเร็งด้วยการไม่บริโภคอาหารปิ้งๆ ย่างๆ บริโภคเมนูอาหารที่สลับๆ กันไปจะเท่ากับเป็นการตัดโอกาสที่เป็นโรคมะเร็งได้แล้ว รวมถึงคนไข้มะเร็งที่รับประทานยากดภูมิ ไม่แนะนำให้บริโภค แนวทางรักษาที่ดีคือ ผู้ป่วยมะเร็ง ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง ส่วนการบริโภคหญ้าปักกิ่ง น่าจะเป็นอีกทางเลือกทางหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็ง ที่ต้องการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก

กูรูสมุนไพร แนะนำว่า ควรรับประทานพอดี เพราะหากดื่มหญ้าปักกิ่งทุกวันจะกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้น วิธีรับประทานที่ดีควรรับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน ไม่ควรบริโภคนานเกินไป ซึ่งไม่เฉพาะแค่กับหญ้าปักกิ่งเท่านั้น สมุนไพรทุกชนิดก็เช่นเดียวกัน หากรับประทานมากเกินไปจะกลายเป็นพิษได้


   แก่นแสมสาร


สรรพคุณ  แก่น  แก้ลม แก้ปัสสาวะพิการ แก้งูสวัด บำบัดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ขับพยาธิ ขับเสมหะ แก้ลมในกระดูก ถ่ายโลหิต ถ่ายโลหิตระดู ถ่ายเสมหะ แก้กระษัย ทำให้เส้นหย่อน (แก้ปวดเมื่อย) เป็นยาระบาย



สรรพคุณ  ราก บำรุงกำลัง และบำรุงกำหนัด แก้ไข้ แก้บิด รักษาบาดแผล



สรรพคุณ  าก   แก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุ แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อขับลม แก้บิด


   สนทะเล


สรรพคุณ  เปลือกมี Tannin มาก เอามาต้มเป็นยาสมาน แก้บิด ท้องร่วง ถ้าใช้มากจะบีบมดลูก ใช้อาบ แก้โรคเหน็บชา ใบทำ    เป็นยาชง ดื่มขับปัสสาวะ แก้อาการจุกเสียด ปวดท้อง เมล็ดป่นพอกแก้ปวดศีรษะ



สรรพคุณ  ยางและแก่น ใช้เป็นยาถ่ายพิษทั้งปวง ถ่ายเสมหะและโลหิต แก้กามโรค แก้ปวดฟัน


รูปภาพและบทความประกอบ ขอขอบคุณจากเว็บไซต์ต่างๆที่เผยแพร่ 

8 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ
    http://thongtransport.blogspot.com/

    ตอบลบ
  2. ของแท้จริงๆ หรือป่าวคะ พอดีสนใจอยากจะได้ไปให้คุณแม่ดื่มอะค่ะ เป็นห่วงเรื่องสุขภาพท่านมาก กลัวได้ของปลอมไปค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอบในฐานะผู้บริโภคคนนึงนะคะ ว่าใช้เองแล้วเห็นผล เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ
      samunpraig2540@gmail.com

      ลบ
  3. ผมกินได้3~4วันรู้สึกท้องอืดมีลมในกระเพาะและปวดท้องไม่รู้เกี่ยวไหมล่าสุดอาเจียนและถ่ายเป็นสีดำและถ่ายและอาเจียนหลายครั้งจนเป็นสุีแดงเหมือนเลือดเหงื่อแตกลุกเดินไม่ไหวตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วอยากทราบว่ายาสลากเขียวทำให้เกิดอาการที่ว่านี้ไหม

    ตอบลบ
  4. ผมกินหลังอาหารเย็นและเช้า

    ตอบลบ
  5. ผมกินหลังอาหารเย็นและเช้า

    ตอบลบ
  6. ผมกินได้3~4วันรู้สึกท้องอืดมีลมในกระเพาะและปวดท้องไม่รู้เกี่ยวไหมล่าสุดอาเจียนและถ่ายเป็นสีดำและถ่ายและอาเจียนหลายครั้งจนเป็นสุีแดงเหมือนเลือดเหงื่อแตกลุกเดินไม่ไหวตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วอยากทราบว่ายาสลากเขียวทำให้เกิดอาการที่ว่านี้ไหม

    ตอบลบ